แม่ทัพภาค 1 ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพรถถังและกำลังพล พร้อมประเมินยุทโธปกรณ์ ประจำปี 2568
แม่ทัพภาค 1 ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพรถถัง กำลังพล และยุทโธปกรณ์ ประจำปี 2568
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา แม่ทัพภาคที่ 1 พลโท ณรงค์ศักดิ์ ศรีสงคราม ได้ลงพื้นที่ค่ายยุทธโยธิน จังหวัดลพบุรี เพื่อตรวจสอบสภาพความพร้อมของรถถัง กำลังพล และยุทโธปกรณ์ของหน่วยงานในสังกัดกองทัพบก โดยมีผู้บังคับการกรม กองร้อย และเจ้าหน้าที่ระดับสูงให้การต้อนรับและรายงานผลการปฏิบัติงาน
การลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นภารกิจสำคัญประจำปีของแม่ทัพภาค 1 ที่มีเป้าหมายเพื่อประเมินความพร้อมรบ ความพร้อมของกำลังพล และการดูแลบำรุงรักษายุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ในคลังของกองทัพ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อภารกิจในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นภารกิจช่วยเหลือประชาชน ภัยพิบัติ หรือการรักษาความมั่นคงในพื้นที่
แม่ทัพภาค 1 ได้ตรวจสอบรายละเอียดในหลายด้าน เช่น สภาพความสมบูรณ์ของรถถังแบบ T-84 Oplot-M, ความพร้อมของเครื่องยนต์, อุปกรณ์เสริม, ระบบควบคุมการยิง ตลอดจนระเบียบวินัย ความคล่องตัว และการฝึกซ้อมของกำลังพลในระดับกองร้อย
“การเตรียมพร้อมไม่ได้หมายถึงการทำสงคราม แต่คือการป้องกันและรับมือกับสถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ” พลโทณรงค์ศักดิ์กล่าวในที่ประชุมภาคสนาม
ไฮไลต์ของการตรวจเยี่ยม
- 🛡️ ตรวจสอบสภาพรถถัง Oplot-M อย่างละเอียด
- 👨✈️ สัมภาษณ์ทหารกองประจำการถึงแผนการฝึกและพัฒนาทักษะ
- ⚙️ ทดสอบยุทโธปกรณ์ทางวิศวกรรมและระบบสื่อสารสนาม
- 📊 รายงานผลการบำรุงรักษาและการใช้งบประมาณภายในหน่วย
ในโอกาสนี้ แม่ทัพภาค 1 ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีจิตใจเข้มแข็ง มีวินัย และรักษาอุดมการณ์ทหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับกองทัพให้เป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกสถานการณ์
ยุทธศาสตร์ “พร้อมรบในทุกมิติ”
การเตรียมความพร้อมไม่ได้จำกัดเฉพาะการฝึกซ้อมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลรักษาอาวุธ ยุทโธปกรณ์ และการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของทหาร เพื่อให้ทุกนายมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนากองทัพยุคใหม่
ผู้บัญชาการหน่วยภาคสนามยังระบุว่า จากการตรวจสอบในครั้งนี้ พบว่าทุกหน่วยมีการดำเนินการตามแผนงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีการบูรณาการการฝึกภาคปฏิบัติร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การใช้โดรนลาดตระเวน และการสื่อสารผ่านเครือข่ายเข้ารหัส
กิจกรรมในวันนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการตรวจเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทหารทุกนาย และแสดงให้เห็นว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงยังคงให้ความสำคัญกับภาคสนามอย่างใกล้ชิด